บทที่ 5 การพบเจอที่ผิดจังหวะ(จบ)

"มีนพองหรือเปล่ากาแฟลวกขนาดนั้นนะ” มาลินถามด้วยความห่วงใยเมื่อพามินรญากลับมาที่โต๊ะทำงาน

"ไม่เป็นไรมากหรอกลิน เป็นผื่นแดงนิดหน่อย” มินรญาบอกหลังจากก้มมองหน้าขาตัวเอง ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น ที่วัลลภให้แม่บ้านหามาให้ เสื้อเธอแห้งเรียบร้อยดีแล้ว

ตลก! พอเสื้อแห้งกางเกงมาเปียกแทน วันนี้คงเป็นวันซวยของเธอ

มินรญาคิดอย่างเหนื่อยใจ ใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์น่าอายเมื่อช่วงสาย ใช่เขาจริง ๆ ผู้ชายคนที่ยืนหันหลังให้เธอถึงแม้เขาจะหันมามองเธอแค่แวบเดียว แต่เธอจำเขาได้ขึ้นใจดวงตาคมดุคู่นั้น มันยังฝังอยู่ในหัวใจเธอเสมอ

"ไม่รู้พี่ธีจะรับงานนี้หรือเปล่า” อนันต์ที่นั่งใกล้ ๆ เธอเอ่ยขึ้นเหมือนต้องการความเห็นจากใครสักคน

"ว่าไงวะลภ มึงเข้าประชุมด้วย พี่ธีว่าไงจะรับไหม” เมื่อไม่มีใครตอบ อนันต์เลยถามวัลลภเพราะเขาคือคนที่เข้าไปคุยกับลูกค้า

"ไม่แน่ใจว่ะ พี่ธียังไม่สรุป แต่คุณผู้หญิงเธองอแงอ้อนพี่ธีไม่หยุด” วัลลภตอบสายตายังจ้องจอคอมพิวเตอร์

"ก็น้องเขานี่หว่า” มานพเอ่ยเสริม

"ไม่ใช่น้อง ญาติโว้ยญาติฝ่ายน้อง” อนันต์ค้านเพราะสองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ

"ก็ไม่ต่าง” มานพยังคงพูดต่อ

"สมมุติว่าพี่ธีรับงานนี้สนุกแน่มึง ขับรถไปมากันมันเลย พี่ธีหมดค่าน้ำมันเป็นแสน” มานพเอ่ยติดตลก

"เว่อร์ไปย่ะไอ้นพ” กิ่งดาวที่ตามมาสมทบเอ่ยขัดขึ้น เมื่อมานพพูดถึงค่าเดินทางที่ธีรเทพต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเกือบ ๆ สองเท่าตัว

"จริง ๆ นางเรื่องมากนะ บ้านอยู่ปากช่องโน่นแต่จะให้บริษัทที่กรุงเทพไปทำ เห็นว่าแฟนนางเป็นคนออกแบบสร้างเองเลยนะ คงสวยน่าดู ผู้ชายอะไรตาดุฉิบ ตอนหันมามองมีนนะฉันนี่เสียวแทน” มาลินยังคงเอ่ยไปเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงคู่รักญาติของเจ้านาย

"แต่หล่อมากนะแก หล่อคุณชายฉันยังแอบอิจฉาแฟนเขาเลย” กิ่งดาวพูดต่อด้วยท่าทางเคลิ้มฝัน

"ระวังปากหน่อยดาว เดี๋ยวพี่ธีมาได้ยินจะเป็นเรื่อง นั่นแฟนน้องเขานะ ญาติกันก็คงอยากจะช่วยพี่ชาย” มานพเอ่ยปรามเพื่อนร่วมงาน

"ช่วยให้เจ๊งสิไม่ว่า งานนี้ฉันปักหลักที่นี่นะ ไม่ลงพื้นที่” กิ่งดาวเริ่มหาแนวร่วม

"ฉันด้วยนะ ๆ นะ ๆ” ทุกคนเอ่ยพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกัน

"เอออยู่กันให้หมดนั่นแหละ กูลุยกับมีนสองคนเอง ว่าไงมีนเราไปกัน” วัลลภหันมาถามมินรญา ที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน มือยังคงค้างไว้ที่เมาส์แต่กดเข้าไปเปิดหน้าไหน เจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัว วัลลภสังเกตจากมือบางที่คลิกเมาส์ไปเรื่อย ๆ

"มีน! แกฟังที่พวกเราคุยไหมเนี่ย” วัลลภเอ่ยถาม

สายตาของเพื่อนร่วมงานทุกคู่ ต่างก็จ้องมาที่มินรญาที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอย แต่มือยังคงกดเมาส์ไม่หยุด

"มีน อาการหนักนะเนี่ยช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” มาลินถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่บ่ายมา มินรญาเหม่อลอยแปลก ๆ

"มีน มีน ห่วงมดยิ้มหรือเปล่า มดยิ้มไม่สบายเหรอ” อรวรรณตั้งข้อสังเกต ตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานกลุ่มเพื่อน ๆ เลยมารวมตัวกันที่โต๊ะทำงานด้านล่าง จับกลุ่มคุยกันเพื่อรอเวลาเลิก

งานที่นี่ค่อนข้างอิสระ แต่พวกเขาก็เกรงใจเจ้านายถึงแม้ไม่มีอะไรทำก็กลับบ้านได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะรอเวลาเข้าและเลิกงานให้ตรงเวลา

คำว่ามดยิ้มที่ลอยมาเข้าหู ทำให้ร่างบางกะพริบตาถี่ ๆ

ใช่สิ มดยิ้มจะเป็นอย่างไรถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นรู้ว่า เธอมีมดยิ้ม เธออุตส่าห์เก็บซ่อนเรื่องนี้มาเกือบสองปีเต็ม

น่าแปลกที่บ้านของเธอกับเขาใกล้กันแค่อำเภอกั้น แต่เธอกลับไม่เคยเจอเขาอีกเลย

ครั้งสุดท้ายก็คงเป็นที่สนามบินในวันนั้น ภพธรก็ไม่เคยมาหาเธอ และมินรญาเองก็ไม่อยากเจอเขาเช่นกัน

ลองคิดกลับกันถ้าคนที่โดนตัดความสัมพันธ์เป็นเธอ มินรญาก็คงไม่ไปหาเขาเหมือนกัน ดูจากสายตาที่เขามองเธอวันนี้ ไม่บอกก็รู้ว่ายังโกรธอยู่ มินรญาได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้ธีรเทพรับงานนี้เลย

ร่างอวบอิ่มยืนมองร่างสูง ที่นั่งหันหลังบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมหรูส่วนตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว

ตั้งแต่กลับมาจากออฟฟิศของธีรเทพ ภพธรดูเหม่อลอยแปลก ๆ บางครั้งหัวคิ้วบนหน้าหล่อเหลาก็ย่นเข้าหากัน เหมือนคนกำลังใช้ความคิด

อนงค์นางนึกสงสัย แต่พอถามเขาก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับคำตอบที่เธอแสนเบื่อหน่าย

‘ไม่มีอะไรครับผมก็คิดอะไรไปเรื่อย ๆ’

บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนเข้าไม่ถึงตัวเขา ระหว่างเธอกับภพธรเหมือนมีเส้นบาง ๆ กั้นไว้  ถึงแม้เธอจะอยู่ในฐานะคนรัก แต่ในบางครั้งอนงค์นางกลับรู้สึกห่างเหิน เหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้มีอีกมุมที่ซ่อนบางอย่างเอาไว้ ที่เธอก็เข้าไม่ถึง

แต่เธอไม่สนใจเพราะวันนี้เขายังอยู่กับเธอ และกำลังจะเป็นของเธออย่างสมบูรณ์ในอีกไม่นาน  อนงค์นางยิ้มให้กับชัยชนะของตัวเอง

ผู้ชายคนนี้เป็นที่หมายปองของบรรดาสาว ๆ หลายคน เขาหล่อรวย และเก่งมาก ทุกอย่างที่เป็นเขาสมบูรณ์แบบ ถึงแม้นามสกุลจะไม่โด่งดังอะไร แต่ถ้าเทียบฐานะกันแล้ว ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งมันก็เหมาะสมกับเธอแล้ว 'คุณหนูอนงค์นาง กีรติกานต์' แค่นามสกุลก็ชนะทุกสิ่ง

ร่างอวบยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินทอดน่องแบบนางพญาไปยืนใกล้ ๆ ร่างสูง ที่ตอนนี้เหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน สังเกตจากแก้วเหล้าบนโต๊ะที่ละลายจนจาง ดูแล้วเขาก็ไม่สนใจจะดื่มอะไรจริงจังเท่าไร

"เต้ยคะ ๆ” อนงค์นางเอ่ยเรียกซ้ำ ๆ

ดูเถอะขนาดเธอมายืนค้ำหัวอยู่แบบนี้เขายังไม่สนใจ มือเรียวเอื้อมไปโอบรอบคอแกร่งเมื่อเธอหย่อนก้นงอนนั่งซ้อนทับบนตักกว้าง ร่างสูงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวก็ตอนที่หน้าขารับน้ำหนักที่จงใจทิ้งมาบนตักเขานั่นเอง

"หืม…มีอะไรครับ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวย เมื่ออนงค์นางจงใจรั้งต้นคอแกร่งให้หันมาทางเธอ

"คิดอะไรอยู่คะ น้องเรียกตั้งนาน” ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปนัยน์ตาคมดุเพื่อค้นหาคำตอบ

"เปล่าครับ (เปล่าครับ)” อนงค์นางพูดแทรกขึ้นระหว่างคำพูดของภพธร เธอฟังจนจำได้ขึ้นใจ ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มขำปนเอ็นดูบนใบหน้าหล่อเหลา

ภพธรเจอกับอนงค์นางที่มหาวิทยาลัยตอนที่เขาไปติดต่อเรื่องเรียน ตอนนั้นเขาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในต่างแดน ดีที่ได้เธอเข้ามาช่วยเหลือ เธอเก่งเรื่องที่ทางแถวนั้นเพราะอยู่มานาน เธอแนะนำเขาทุกอย่าง เป็นไกด์ให้เขาทุกเรื่อง เธอเข้ามาเติมเต็มในขณะที่ภพธรกำลังเจ็บช้ำจากใครบางคน ทำให้เขาเปิดรับเธอเข้ามาในเวลาไม่นาน

"รู้ทันอีกแล้ว” ภพธรพูดแบบเขิน ๆ เมื่อถูกดักทาง ปลายจมูกโด่งคลอเคลียใกล้ ๆ ปลายจมูกเล็กสวย ริมฝีปากร้อนอยู่ชิดปากอิ่ม

"น้องฟังคำตอบแบบนี้มาหลายปีแล้วนี่คะ” อนงค์นางตอบด้วยกิริยาน่ารัก ดวงตาสวยจ้องลงในดวงตาดุ ริมฝีปากบางแนบชิดจนสัมผัสถึงไอร้อนที่เป่ารดบนปากหยักได้รูปสวย

ภพธรฝังริมฝีปากหนัก ๆ ลงบนปากอิ่ม ร่างบางตอบสนองอย่างคุ้นชินต่อการสัมผัสที่แนบชิดนี้ ทั้งสองแลกจูบกันอยู่สักพัก จนเมื่อร่างอิ่มประท้วง ภพธรจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อให้คนในอ้อมแขนได้หายใจ

ดวงตาคมดุจ้องมองใบหน้าสวยด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นเธอหอบหนัก ๆ

"น้องกลับนะคะ” อนงค์นางบอก หลังจากหายใจได้ปกติ ภพธรจูบเธอแบบนี้เสมอ จูบสูบวิญญาณ ทำเธอเหนื่อยและหายใจไม่ทัน

"อ้าว ไม่ค้างเหรอดึกแล้วนะ” ภพธรถามอย่างสงสัยดวงตาคู่ดุก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตั้งแต่กลับมาอนงค์นางมักจะค้างคืนกับเขาเสมอ

"คืนนี้กลับค่ะ เช้าจะคุยงานกับคุณพ่อ เต้ยละคะว่างหรือยัง คุณพ่ออยากเจอค่ะ” อนงค์นางให้เหตุผล เธอกำลังจะเข้าทำงานกับบริษัทของบิดาและเธออยากรู้รายละเอียดของงานก่อน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป